BBGI Today
วิสัยทัศน์
กลุ่มบริษัทฯ มีวิสัยทัศน์ในการดำเนินธุรกิจ คือ "มุ่งสู่การเป็นผู้นำกลุ่มบริษัทผลิตภัณฑ์ชีวภาพด้วยนวัตกรรมสีเขียวและดำเนินธุรกิจด้วยแนวทางอย่างยั่งยืน"
พันธกิจ
สร้างสินค้าและห่วงโซ่อุปทานของผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง โดยอาศัยนวัตกรรมเทคโนโลยีชีวภาพ ความเป็นเลิศทางด้านการปฏิบัติการ พร้อมทั้งการพัฒนาอย่างยั่งยืน
ค่านิยมองค์กร
Agility & Mobility
ร่วมกันเปลี่ยนแปลง
Beyond Expectation
แสวงหาความเป็นเลิศ
Be Empathy
เอาใจเขามาใส่ใจเรา
Group Synergy
ผสานพลังสร้างความสำเร็จ
Innovation
เติบโตด้วยนวัตกรรม
สารจากประธานกรรมการบริษัท
ปี 2566 เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวต่อเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) แต่ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน สถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและฮามาส จำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มสูงขึ้นแต่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ รวมถึงวิกฤตการณ์ภัยแล้งจากผลปรากฎการณ์เอลนีโญ ที่ส่งผลกระทบกับราคาสินค้าเกษตรที่ปรับตัวสูงขึ้น
นายพิชัย ชุณหวชิร
ประธานกรรมการบริษัท
31 ธันวาคม 2566
อ่านเพิ่มเติมเหตุการณ์สำคัญ
“บมจ.บีบีจีไอ” หรือ BBGI ผู้นำอุตสาหกรรมด้านพลังงานเชื้อเพลิงชีวภาพ และผู้สร้างสรรค์ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (HVP) ที่ส่งเสริมสุขภาพได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2565 เป็นวันแรกโดยใช้ชื่อย่อ "BBGI" ด้วยความเชื่อมั่นในศักยภาพการดำเนินงานที่มีพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแรง ในฐานะผู้ผลิตและผู้จัดจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพรายใหญ่ของประเทศไทยมาเป็นระยะเวลามากกว่า 18 ปี
บมจ. บีบีจีไอ ได้มีการต่อยอดทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดมูลค่าเพิ่มกับองค์กร โดยได้ใช้ความรู้และเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ (SynBio) เพื่อผลิตผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง (HVP) ให้มีมาตรฐานสากลรองรับการเติบโตของผู้บริโภคในด้าน Health and Well-Being ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
กุมภาพันธ์
- โรงงาน บีบีจีไอ ไบโอเอทานอล สาขาน้ำพอง 2 จ.ขอนแก่น เปิดดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2566 ด้วยกำลังการผลิต 200,000 ลิตรต่อวัน ส่งผลให้กำลังการผลิตไบโอเอทานอลของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็น 800,000 ลิตรต่อวัน
เมษายน
- บริษัท บีบีจีไอ ไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด สาขาพนมสารคาม ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมสีเขียว หรือ Green Industry ระดับ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) จากกระทรวงอุตสาหกรรม จากการยึดมั่นในการปรับปรุงกระบวนการผลิตและการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
พฤษภาคม
- บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท บีบีจีไอ ไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด (BBGI-PS) จากบริษัท สีมา อินเตอร์โปรดักส์ จำกัด เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2566 ทำให้มีสัดส่วนการถือหุ้นจากร้อยละ 85 เป็นร้อยละ 100
กันยายน
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันพุธที่ 20 กันยายน 2566 มีมติอนุมัติการเพิ่มทุนในบริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (BSGF) โดยลงทุนตามสัดส่วนร้อยละ 20 เป็นจำนวนไม่เกิน 1,690 ล้านบาท
ตุลาคม
- บริษัทฯ ได้ลงนามข้อตกลงสัญญาร่วมทุนกับ Fermbox Bio โดยร่วมกันก่อตั้งบริษัท บีบีจีไอ เฟิร์มบ็อกซ์ ไบโอ จำกัด (BBFB) ในการก่อสร้างโรงงานเทคโนโลยีชีวภาพ (CDMO) เชิงพาณิชย์แห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยทุนจดทะเบียน 4.00 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใน BBFB ร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียน
มีนาคม
- บริษัทฯ เข้าจดทะเบียนเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และได้ทำการออกเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 17 มีนาคม 2565 โดยใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “BBGI”
เมษายน
- บริษัทฯ ได้เข้าทำลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท ไบโอม จำกัด (“ไบโอม”) เพื่อมุ่งสู่ธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูง ซึ่งเป็นการนำเทคโนโลยีชีววิทยาสังเคราะห์ Synthetic Biology หรือ SynBio มาสร้างมูลค่าต่อยอดผลิตภัณฑ์ โดยบริษัทฯมีสัดส่วนการ ถือหุ้นร้อยละ 20
พฤษภาคม
- บริษัท วิน อินกรีเดียนส์ จำกัด ได้มีการจัดตั้งบริษัท วิน อินกรีเดียนส์ สิงคโปร์ จำกัด ที่ประเทศสิงคโปร์ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจจากบริษัท วิน อินกรีเดียนส์ จำกัด ในอนาคต โดยบริษัท วิน อินกรีเดียนส์ สิงคโปร์ จำกัด จะทำหน้าที่ เป็นห้องแลปทดลอง และนำเสนอผลิตภัณฑ์ให้กับกลุ่มลูกค้า ทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
กรกฎาคม
- บริษัท เคเอสแอล กรีน อินโนเวชั่น จำกัด (มหาชน) (KGI) เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บีบีจีไอ ไบโอเอทานอล จำกัด (มหาชน) (BBGI-NP/BP)
- บริษัท บางจากไบโอฟูเอล (BBF) เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บีบีจีไอ ไบโอดีเซล จำกัด (BBGI-BI)
สิงหาคม
- บริษัท บางจากไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด (BBE) เปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท บีบีจีไอ ไบโอเอทานอล (ฉะเชิงเทรา) จำกัด (BBGI-PS)
กันยายน
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันอังคารที่ 30 สิงหาคม 2565 มีมติให้จัดตั้งบริษัทร่วมทุน บริษัท บีเอสจีเอฟ จำกัด (“BSGF”) ร่วมกับ BCP และ บริษัท ธนโชค ออยล์ไลท์ จำกัด (“TC”) เพื่อดำเนินธุรกิจจัดหาวัตถุดิบ ผลิต และจัดจำหน่ายน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืนจากน้ำมันใช้แล้ว ด้วยทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ถือหุ้นใน BSGF ร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมด
มกราคม
- บริษัทฯ ร่วมกับบริษัท ไบโอม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีชีวภาพ ที่ดำเนินธุรกิจบนฐานองค์ความรู้ของนักวิจัยจากคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ภายใต้การ บ่มเพาะจาก CU innovation hub และสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ ร่วมลงนาม ในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการผลิต “ผลิตภัณฑ์ชีวภาพประเภทเอนไซม์” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูงที่มีคุณสมบัติในการทำลายโครงสร้างทางเคมีของสารพิษฆ่าแมลงที่ตกค้างในผักและผลไม้
กุมภาพันธ์
- บริษัทฯ และบริษัท ไบโอม จำกัด ได้ลงนามในข้อเสนอเพื่อการลงทุน (Term Sheet) เพื่อร่วมกันพัฒนาสินค้าตัวอย่าง ตลอดจน Marketing strategy เพื่อดำเนินการจำหน่ายเชิงพาณิชย์ต่อไป
มีนาคม
- BUP ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 50.0 ล้านบาท เป็น 100.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 10.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.0 บาท เพื่อใช้สำหรับลงทุนก่อสร้างระบบผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 3 เมกะวัตต์และไอน้ำขนาด 20 ตันต่อชั่วโมง เพื่อจำหน่ายกระแสไฟฟ้าและไอน้ำให้กับโรงงานเอทานอลของ KGI ที่ อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น
เมษายน
- เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2564 บริษัทฯ ได้ขึ้นทะเบียน Astaxanthin Ingredients ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพมูลค่าสูงที่ส่งเสริมสุขภาพและเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงในการต่อต้านริ้วรอยและบำรุงผิว กับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อการจำหน่ายในประเทศไทย และวันที่ 29 เมษายน 2564 บริษัทฯ ได้ลงนามสัญญากับบริษัท เคมีโก้ อินเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด เพื่อให้สิทธิ์ในการดูแลจัดจำหน่าย Astaxanthin Ingredients ในประเทศไทย
- WIN ได้รับใบสำคัญการขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร (แบบ อ.18) สำหรับ Neotame ซึ่งเป็นสารให้ความหวานชนิดหนึ่ง เมื่อวันที่ 1 เมษายน เพื่อการจำหน่ายในประเทศไทย และอยู่ระหว่างการเตรียมการนำสารให้ความหวานอื่นๆ ขออนุญาตขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ในประเทศไทย เพื่อการนำเข้าและจำหน่ายเชิงพาณิชย์
- เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2564 UBE ได้ยื่นขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ โดยมีจำนวนหุ้นเสนอขาย จำนวนไม่เกิน 1,370,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท แบ่งเป็น หุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 1,174,286,000 หุ้น และหุ้นสามัญเดิมจำนวนไม่เกิน 195,714,000 ห้น โดยมีหุ้นสามัญเดิมที่บริษัทฯ ถืออยู่ร่วมเสนอขายในครั้งนี้ จำนวนไม่เกิน 97,857,000 หุ้น
พฤษภาคม
- บริษัทฯ ออกและเสนอขายหุ้นกู้ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 โดยมีมูลค่าการออกและเสนอขายรวม 1,300.0 ล้านบาท ประกอบด้วยหุ้นกู้ชุดที่ 1 ซึ่งเป็นหุ้นกู้ชนิดไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันอายุ 1 ปี 6 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2565 จำนวน 500.0 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 2.53 ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ 2 ซึ่งเป็นหุ้นกู้ชนิดไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันอายุ 3 ปี ครบกำหนดไถ่ถอนปี 2567 จำนวน 800.0 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3.30 ต่อปี
มิถุนายน
- บริษัทฯ ได้เริ่มนำเข้าและจำหน่าย Astaxanthin Ingredients ในประเทศไทยในรูปแบบ Business-to-Business (B2B)
- WIN แต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายสารให้ความหวาน ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ไทย มาเลเซีย เวียดนาม อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์
กันยายน
- เมื่อวันที่ 1 กันยายน 2564 BBGI เริ่มมีการจำหน่ายแอลกอฮอล์ล้างมือเกรดเภสัชกรรมที่ได้รับการรับรอง GMP HACCP เพื่อทำตลาด B2C (จากเดิมจำหน่ายเฉพาะ B2B) และเริ่มจำหน่ายผลิตภัณฑ์เสริมอาหารภายใต้แบรนด์ B Nature Plus โดยผลิตภัณฑ์แรกที่จำหน่ายคือ ASTA-IMMU ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ สกัดจากสาหร่ายสีแดง (Astaxanthin) ผ่านช่องทาง Facebook : @BNaturePlus และ Line@ official : @BNaturePlus
- UBE ได้ทำการออกเสนอขายหลักทรัพย์ต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยบริษัทฯ ได้นำหุ้นสามัญของ UBE ที่บริษัทฯ ถืออยู่ จำนวน 97.86 ล้านหุ้น มาเสนอขายใน IPO ครั้งนี้ด้วย ส่งผลให้ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 บริษัทฯ มีสัดส่วนการถือหุ้นใน UBE ลดลงจากร้อยละ 21.28 เหลือร้อยละ 12.39
มีนาคม
- BUP จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2563 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 50.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 5.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.0 บาท โดยบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100.0 เพื่อประกอบธุรกิจให้บริการด้านสาธารณูปโภคและพลังงาน ซึ่งได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างระบบผลิตก๊าซชีวภาพจากน้ำกากส่าจากโรงงานเอทานอล เพื่อจำหน่ายก๊าซชีวภาพให้กับโรงงานเอทานอลของ KGI ที่ อ.บ่อพลอย จ.กาญจนบุรี
เมษายน
- บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนซื้อหุ้นบุริมสิทธิ์ที่แปลงสภาพได้ของ Manus ซึ่งจดทะเบียนในประเทศสหรัฐอเมริกา ในสัดส่วนร้อยละ 5.8 โดย Manus ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับเทคโนโลยีชีวภาพขั้นสูงและมีความเชี่ยวชาญหลากหลายในผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง (High Value Bio-Based Products)
สิงหาคม
- บริษัทฯ จัดตั้งบริษัท วิน อินกรีเดียนส์ จำกัด (WIN) เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2563 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 0.1 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.0 บาท โดยบริษัทฯ ถือหุ้นร้อยละ 100.0 เพื่อลงทุนผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ชีวภาพที่มีมูลค่าสูง
พฤศจิกายน
- WIN เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 319.0 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 32.0 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.0 บาท โดย BBGI ถือหุ้นร้อยละ 51.0 และ Manus ถือหุ้นร้อยละ 49.0 ส่งผลให้ WIN มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.0 ล้านบาท เป็น 320.0 ล้านบาท (ชำระแล้ว 80.0 ล้านบาท)
ธันวาคม
- UBE มีการปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัท โดยเพิ่มทุนจดทะเบียนของ NPE จาก 70.0 ล้านบาท เป็น 1,440.0 ล้านบาท เพื่อซื้อทรัพย์สินทั้งหมดจาก UBG และทำการชำระบัญชีเลิกบริษัท และซื้อธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโรงแป้งมันสำปะหลังทั้งหมดจาก UAE และแก้ไขชื่อ NPE เป็น บริษัท อุบล ซันฟลาวเวอร์ จำกัด (UBS) เพื่อผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลังทั้งเกรดอาหารและเกรดอุตสาหกรรมภายใต้ตราสินค้า “ดอกทานตะวัน” และผลิตจำหน่ายก๊าซชีวภาพและกระแสไฟฟ้า ในส่วนของ UAE มีการจำหน่ายธุรกิจหญ้าเนเปียร์และขายที่ดินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจเอทานอลให้กับ UBE และเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท อุบลไบโอเกษตร จำกัด (UBA) โดยจะประกอบธุรกิจบริหารจัดการที่ดิน เทรดดิ้งและเกษตรอินทรีย์
มกราคม
- โรงงาน KGI สาขาบ่อพลอย ขยายกำลังการผลิต จาก 200,000 ลิตรต่อวัน เป็น 300,000 ลิตรต่อวัน
เมษายน
- บริษัท ชะลอการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เนื่องจากสถานการณ์ตลาดและเศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย
กรกฎาคม
- BBF ได้ปรับปรุงกระบวนการผลิต (De-Bottleneck) ส่งผลให้มีกำลังการผลิตไบโอดีเซลเพิ่มขึ้นจาก 930,000 ลิตร ต่อวัน เป็น 1,000,000 ลิตรต่อวัน
เมษายน
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ UBE เมื่อวันที่ 9 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และการเพิ่มทุนจดทะเบียน และออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BCP เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 มีมติอนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ BBGI ให้แก่กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของ BBGI และบริษัทย่อยของ BBGI (ESOP) ทั้งนี้ เป็นไปตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในประกาศคณะกรรมการกำกับตลาดทุนที่ ทจ. 32/2551 เรื่อง การเสนอขายหลักทรัพย์ที่ออกใหม่ต่อกรรมการหรือพนักงาน (และที่ได้มีการแก้ไขเพิ่มเติม)
- ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BBGI เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 มีมติดังนี้
- อนุมัติการแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน)
- เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัทฯ จากเดิมหุ้นละ 10.00 บาท เป็นหุ้นละ 5.00 บาท ส่งผลให้จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นจาก 253.20 ล้านหุ้น เป็น 506.40 ล้านหุ้น
- เพิ่มทุนจดทะเบียน จำนวนไม่เกิน 1,083.00 ล้านบาท ส่งผลให้ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจาก 2,532.00 ล้านบาท เป็น 3,615.00 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 216.60 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO)
- จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ จำนวนไม่เกิน 216.60 ล้านหุ้น มูลค่าหุ้นที่ตราไว้หุ้นละ 5.00 บาท เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงการเสนอขายให้แก่ (I) ผู้ถือหุ้นของ BCP และ KSL เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรร (II) กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของ
บริษัทฯ (ESOP) โดยให้สอดคล้องกับมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BCP เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561 และ (III) ประชาชนทั่วไป
- BBF แจ้งเปลี่ยนแปลงกำลังการผลิตจาก 810,000 ลิตรต่อวันเป็น 930,000 ลิตรต่อวัน กับกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน
มิถุนายน
- UBE ยกเลิกการยื่นคำขออนุญาตเสนอขายหุ้นสามัญให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต.
กรกฎาคม
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BBGI เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2561 มีมติอนุมัติเปลี่ยนแปลงสัดส่วนย่อยในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ เพื่อเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) ดังนี้ (I) ผู้ถือหุ้นของ BCP และ KSL เฉพาะกลุ่มที่มีสิทธิได้รับการจัดสรรไม่เกินร้อยละ 25.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้ (II) ประชาชนทั่วไป ซึ่งรวมถึงกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของบริษัทฯ (ESOP) ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 75.0 ของจำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายในครั้งนี้ ทั้งนี้ จำนวนหุ้นสามัญที่เสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯ และบริษัทย่อยของ บริษัทฯ (ESOP) จะเป็นไปตามมติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 ของ BCP เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2561
มิถุนายน
- BCP จำหน่ายเงินลงทุนใน BBE BBF และ UBE สำหรับหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 85.0 ร้อยละ 70.0 และร้อยละ 21.3 ให้แก่ BBH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BCP ถือหุ้นร้อยละ 100.0 ตามแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-Based) ของ BCP
กรกฎาคม
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท BCP ครั้งที่ 11/2560 และที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท KSL ครั้งที่ 6/2559-2560 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 มีมติอนุมัติการควบบริษัท (Amalgamation) ระหว่าง BBH ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ BCP ถือหุ้นร้อยละ 100.0 และ KSLGI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท KSL ครั้งที่ 6/2559-2560 เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2560 มีมติอนุมัติยกเลิกแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ KGI ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ KGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจาก KSL และ BCP ได้บรรลุข้อตกลงและเข้าทำสัญญาควบรวมกิจการและสัญญาผู้ถือหุ้น ตามแผนความตกลงการร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจสำหรับธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ (Bio-Based) ระหว่าง BCP กับ KSL
- KSL จำหน่ายเงินลงทุนใน KGI สำหรับหุ้นสามัญในสัดส่วนร้อยละ 100.0 ให้แก่ KSLGI ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0 ตามแผนการควบรวมกิจการ
ตุลาคม
- บริษัทฯ เกิดขึ้นจากการจดทะเบียนควบบริษัท (Amalgamation) ระหว่าง BBH และ KSLGI เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2560 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 2,532.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 253.20 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท โดยมี BCP และ KSL เป็นผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ร้อยละ 60.0 และร้อยละ 40.0 ตามลำดับ
พฤษภาคม
- BBE จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2559 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 0.01 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท โดย BCP ถือหุ้นร้อยละ 85.0 ตามสัญญาร่วมลงทุนระหว่าง BCP และสีมา
- BBE เข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินกับสีมา เพื่อซื้อทรัพย์สินทั้งหมดที่ใช้ในการผลิตและจำหน่ายเอทานอล รวมถึงรับโอนใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องจากสีมา
มิถุนายน
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท KGI ครั้งที่ 7/2559 มีมติอนุมัติการจำหน่ายทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผลิตปุ๋ยชีวภาพให้แก่บริษัท เคเอสแอล แมททีเรียล ซัพพลายส์ จำกัด ("KMS") ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0
กรกฎาคม
- โรงงานผลิตไบโอดีเซลแห่งที่ 2 ของ BBF เริ่มดำเนินการผลิตและจำหน่ายเชิงพาณิชย์ มีขนาดกำลังการผลิต 450,000 ลิตรต่อวัน ส่งผลให้ BBF มีกำลังการผลิตรวมทั้ง 2 แห่ง 810,000 ลิตรต่อวัน
- BBE เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 499.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 4.99 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท ส่งผลให้ BBE มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.00 ล้านบาท เป็น 500.00 ล้านบาท
ตุลาคม
- BBE กลับมาเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตเอทานอลที่อำเภอสนามชัยเขตและอำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา กำลังการผลิตรวม 150,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้มันสำปะหลังสดและมันสำปะหลังเส้นเป็นวัตถุดิบ ภายหลังรับโอนสินทรัพย์จากสีมาแล้วเสร็จ
- BBE ได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 10
- ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 2/2559 ของ KGI เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2559 มีมติอนุมัติการแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัด และเปลี่ยนชื่อเป็น KGI และอนุมัติแผนการออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ของ KGI ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) และการนำ KGI เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (“ตลาดหลักทรัพย์ฯ”) ทั้งนี้ KGI ได้จดทะเบียนแปรสภาพจากบริษัทจำกัดเป็นบริษัทมหาชนจำกัดเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2559
กรกฎาคม
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท BBF ครั้งที่ 4/2558 มีมติอนุมัติการลงทุนก่อสร้างโรงงานต้นแบบ (Pilot Plant) สำหรับการผลิตพาราฟินเพื่อใช้เป็นวัสดุสำหรับแลกเปลี่ยนความร้อน (Phase Change Materials (PCMs))
กรกฎาคม
- ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท BBF ครั้งที่ 4/2557 มีมติอนุมัติการลงทุนโรงงานผลิตไบโอดีเซลแห่งที่ 2 กำลังการผลิต 450,000 ลิตรต่อวัน และมีหน่วยเปลี่ยนกรดไขมันจากการกลั่นน้ำมันปาล์ม (PFAD) ให้เป็นไบโอดีเซล กำลังการผลิต 55,000 ลิตรต่อวัน
กุมภาพันธ์
- โรงงานน้ำพองนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลมาหมักให้ได้ไบโอแก๊สเพื่อขายให้แก่โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น
- BBF ปรับปรุงกระบวนการผลิต (De-Bottleneck) ส่งผลให้โรงงานผลิตไบโอดีเซลมีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 360,000 ลิตรต่อวัน
กุมภาพันธ์
- โรงงานบ่อพลอยนำน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลมาหมักให้ได้ไบโอแก๊สเพื่อขายให้แก่โรงไฟฟ้าน้ำตาลขอนแก่น
พฤศจิกายน
- BBF ได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7
กุมภาพันธ์
- BCP เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของ UBE จำนวน 583,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 21.3 ของจำนวนหุ้นทั้งหมด ทั้งนี้ UBE ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายเอทานอลโดยใช้มันสำปะหลังสดและมันสำปะหลังเส้นเป็นวัตถุดิบ กำลังการผลิตรวม 400,000 ลิตรต่อวัน โดยโรงงานตั้งอยู่ที่อำเภอนาเยีย จังหวัดอุบลราชธานี นอกจากนี้ UBE ยังถือหุ้นร้อยละ 100.0 ในบริษัทย่อยอีก 3 บริษัท ได้แก่ (1) บริษัท อุบลเกษตรพลังงาน จำกัด ("UAE") ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายแป้งมันสำปะหลัง (2) บริษัท อุบลไบโอก๊าซ จำกัด ("UBG") ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอแก๊สและกระแสไฟฟ้า และ (3) บริษัท เอ็นพี ไบโอ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ("NPE") ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอแก๊สและกระแสไฟฟ้า
ธันวาคม
- KGI เริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์โรงงานบ่อพลอย กำลังการผลิตรวม 200,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้กากน้ำตาลและน้ำอ้อยเป็นวัตถุดิบ
- โรงงานบ่อพลอยเริ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์เชิงพาณิชย์ ใช้วัตถุดิบคือน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลและกากหม้อกรองจากโรงงานน้ำตาล
ธันวาคม
- BBF เริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์โรงงานผลิตไบโอดีเซลที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กำลังการผลิตรวม 300,000 ลิตรต่อวัน และมีกลีเซอรีนเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้ 30,000 กิโลกรัมต่อวัน โดยใช้น้ำมันปาล์มดิบเป็นวัตถุดิบหลัก
มีนาคม
- BBF จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2551 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 281.50 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 2.815 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 100.00 บาท โดย BCP ถือหุ้นร้อยละ 70.0 และ UAC ถือหุ้นร้อยละ 30.0 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายไบโอดีเซล กลีเซอรีน และผลิตภัณฑ์พลอยได้
กรกฎาคม
- KGI เพิ่มทุนจดทะเบียนและชำระแล้วจำนวน 450.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 45.00 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท ส่งผลให้ KGI มีทุนจดทะเบียนและชำระแล้วเพิ่มขึ้นจากเดิม 450.00 ล้านบาท เป็น 610.00 ล้านบาท
มกราคม
- KGI เริ่มเปิดดำเนินงานเชิงพาณิชย์โรงงานน้ำพอง กำลังการผลิตรวม 150,000 ลิตรต่อวัน โดยใช้กากน้ำตาลและน้ำอ้อยเป็นวัตถุดิบ ทั้งนี้ KGI เป็นหนึ่งในบริษัทกลุ่มแรกๆ ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงอุตสาหกรรมในการผลิตแอลกอฮอล์เพื่อใช้ผสมในน้ำมันเชื้อเพลิง
กุมภาพันธ์
- KGI ได้จดทะเบียนเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 10 แห่งพ.ร.บ. การค้าน้ำมันเชื้อเพลิง พ.ศ. 2543 ("ผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 10")
- โรงงานน้ำพองเริ่มผลิตปุ๋ยอินทรีย์เชิงพาณิชย์ ใช้วัตถุดิบคือน้ำเสียจากกระบวนการผลิตเอทานอลและกากหม้อกรองจากโรงงานน้ำตาล
มีนาคม
- KGI ได้รับอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการเอทานอลแห่งชาติ ให้ขยายกำลังการผลิตเอทานอลจาก 85,000 ลิตรต่อวัน เป็นไม่เกิน 150,000 ลิตรต่อวัน
กุมภาพันธ์
- KGI (เดิมชื่อบริษัท ขอนแก่นแอลกอฮอล์ จำกัด) จดทะเบียนจัดตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2547 ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มต้น 1.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 0.10 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท โดย KSL ถือหุ้นร้อยละ 100.0 เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตเอทานอลจากกากน้ำตาล น้ำอ้อย และอื่นๆ
กรกฎาคม
- KGI เพิ่มทุนจดทะเบียนจำนวน 159.00 ล้านบาท แบ่งออกเป็นหุ้นสามัญจำนวน 15.90 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10.00 บาท ส่งผลให้ KGI มีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากเดิม 1.00 ล้านบาท เป็น 160.00 ล้านบาท